เรื่องย่อ
Aikatsu Planet เป็นภาพยนตร์ที่มีรูปแบบการนำเสนอผสมผสานระหว่างการ์ตูนอนิเมชั่น (อนิเมะ) กับ live action (คนแสดง) มีเรื่องราวเกี่ยวกับเหล่าเด็กผู้หญิงวัยรุ่นตัวเอกของเรื่องซึ่งมีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นไอดอลที่มีชื่อเสียง พวกเธอได้สร้างร่างอวตารขึ้นมาภายใต้ระบบที่ชื่อ Aikatsu Planet เพื่อเข้าไปทำการแสดงต่างๆ ตามความฝันของพวกเธออยู่ในระบบนั้น โดยพวกเธอแต่ละคนจะมีการ์ดสำหรับใช้ในการแปลงร่างก่อนขึ้นแสดงทุกครั้ง เมื่อนำการ์ดออกมา ภูติวิเศษที่อยู่ในการ์ด จะเปลี่ยนตัวเองกลายเป็นเสื้อผ้าให้พวกเธอสวมใส่ได้ในทันทีเมื่อต้องการ
มองภาพยนตร์ผ่านวัตถุวัฒนธรรม
ในที่นี้เราจะลองพิจารณาภาพยนตร์เรื่องนี้ในฐานะที่เป็นวัตถุวัฒนธรรมอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่เพียงภาพและเสียง แต่ยังกระทบไปยังประสาทสัมผัสอื่นๆ อีกด้วย ทั้งการได้กลิ่น รับรส หรือสัมผัส ซึ่งล้วนแต่ส่งผลต่ออารมณ์ ความรู้สึก และการกระทำของเรา ในแง่ของภาพและเสียง Aikatsu Planet มีการนำเสนอทั้งในรูปแบบ 2 และ 3 มิติ เป็นความพยายามที่จะสร้างสิ่งที่เรียกว่า “virtual idol” หรือจำลองไอดอลที่เป็นมนุษย์ให้อยู่ในรูปแบบตัวละครอนิเมะ ในขณะเดียวกันก็นำภาพลักษณ์ของนักแสดงที่เป็นมนุษย์มาแต่งกายให้คล้ายคลึงตัวละคร 2 มิติมากที่สุด พร้อมกับให้นักแสดงพากย์เสียงและร้องเพลงเอง รูปแบบภาพยนตร์ที่ผสมผสานอนิเมะกับคนแสดงเข้าด้วยกัน ได้สร้างความรู้สึกแปลกใหม่ให้กับแฟนคลับที่เคยติดตามภาพยนตร์เรื่องนี้ในรูปแบบอนิเมะมาก่อน และยังเป็นการทำให้ตัวละครเหล่านั้นดูเสมือนมีตัวตนที่เป็นมนุษย์ยิ่งขึ้น
การดำเนินเรื่องราวในภาพยนตร์ได้เชื่อมโยงนัยของการรับรู้ผ่านสายตา นำเสนอเรื่องราวชีวิตของการเป็นไอดอลหรือคนดังโดยอิงกับความเป็นจริงว่าพวกเขาทำอะไรบ้าง เช่น การทำงานแสดงละคร หรือการออกอีเวนต์พบปะแฟนคลับซึ่งตัวศิลปินต้องมีการปฏิสัมพันธ์เชิงผัสสะกับโลกทางกายภาพ (sensory worlds) ซึ่งหมายถึงการที่เรากระทำบางอย่างด้วยการใช้ประสาทสัมผัสต่างๆ เช่น การขึ้นแสดงบนเวทีก็จะต้องมีการใช้สายตา (eye contact) การ “จับมือ” กับแฟนคลับ และที่ขาดไปไม่ได้เลยในยุคโลกาภิวัตน์ คือการที่คนดังแทบทุกคนต้องมีสื่อโซเชียลมีเดียเอาไว้สำหรับสร้างคอนเทนต์ (content) สร้างกระแสโปรโมตตัวเอง สร้างรายได้ สร้างธุรกิจบนโลกอินเทอร์เน็ต และใน Aikatsu Planet ก็มีแพลตฟอร์มที่ถูกสร้างเลียนแบบหน้าจอแอปพลิเคชั่นอย่าง Youtube ขึ้นมาด้วย ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการรับรู้ของเราให้เกิดความรู้สึกร่วมมากขึ้นในการรับชมภาพยนตร์ เป็น live action ที่ใส่ความเป็นมนุษย์ที่มีตัวตนเข้าไป ทว่าแทนที่จะทดแทนตัวละครอนิเมะอย่างสมบูรณ์ กลับเลือกที่จะผสานตัวละครในโลก 2D และ 3D เข้าด้วยกัน และยังเชื่อมโยงกับวัตถุในโลกของความเป็นจริงที่ปรับไปตามยุคสมัย ผู้เขียนในฐานะแฟนคลับผู้รับชม ก็รู้สึกประทับใจ มีความรู้สึกร่วม และยิ่งอินไปกับภาพยนตร์มากขึ้น
ชีวิตทางสังคมของ Aikatsu Planet
ก่อนที่ทีมผู้สร้างภาพยนตร์จะทำสื่อในรูปแบบอนิเมะผสม live action ภาพยนตร์เรื่องนี้เคยอยู่ในรูปแบบอนิเมะล้วนมาก่อน แต่เมื่อมาถึงจุดหนึ่ง เนื้อหาของภาพยนตร์ก็เริ่มชวนให้รู้สึกว่าจำเจ ไม่น่าติดตามอีกต่อไป รายได้ของอนิเมะภาคสุดท้ายที่เป็นตัวละคร 2D ล้วน อยู่ในเกณฑ์ตกต่ำ ในที่สุดผู้ผลิตจึงตัดสินใจเปลี่ยนรูปแบบให้มีคนจริงๆ เข้าไปร่วมแสดงด้วย ความเปลี่ยนแปลงนี้ ช่วยกอบกู้ความนิยมและรายได้ของอนิเมะเรื่องนี้ให้กลับมาอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ ในการนี้ “การ์ด” สินค้าที่เป็นจุดขายสำคัญของ Aikatsu Planet ซึ่งเคยเป็นเพียงกระดาษเคลือบด้วยพลาสติก ก็ได้เปลี่ยนตามไปด้วย ถูกปรับให้เป็นการ์ดพลาสติกแข็ง ซึ่งมีราคาสูงขึ้นไปโดยปริยาย การ์ดที่ใช้แปลงร่างของตัวละครเอกภาคเก่าๆ ที่นำกลับมาทำใหม่ก็ขายได้มากขึ้นด้วย
หากมองจากมุมของมนุษย์เพียงอย่างเดียว เรื่องราวของ Aikatsu Planet ยุคใหม่อาจเป็นเรื่องของความสำเร็จทางการตลาด เรื่องของการที่ผู้ผลิตสามารถพลิกสถานการณ์ของภาพยนตร์อนิเมะให้กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง แต่เมื่อพิจารณาไปถึงแง่ที่ว่าอนิเมะเรื่องนี้ไม่ได้เป็นสื่อภาพยนตร์ที่ดำรงอยู่อย่างเป็นเอกเทศ ทว่าโยงใยอยู่กับวัฒนธรรมไอดอลและการสะสมการ์ดอันเป็นจุดขายของเรื่อง เราอาจมองเห็นเบื้องหลังความสำเร็จที่ไม่ได้มีเพียงความสามารถของตัวผู้ผลิตอนิเมะ แต่ยังมีบทบาทของวัตถุต่างๆ อยู่ในนั้นด้วย
จากอนิเมะสู่อนิเมะผสม live action
จากการ์ดกระดาษเคลือบพลาสติกพัฒนาสู่การ์ดพลาสติกแข็ง
การ์ดในฐานะผู้กระทำการทางสังคม
การใช้การ์ดแปลงร่างเปลี่ยนชุด เป็นจุดขายที่ทำให้ Aikatsu Planet เวอร์ชั่นอนิเมะมีความโดดเด่นเป็นที่จดจำ และการ์ดแบบเดียวกับที่ตัวละครเอกในเรื่องใช้แปลงร่างนี้เองก็ได้ถูกทำเป็นสินค้าของสะสม ซึ่งทำออกมามีรูปลักษณ์คล้ายคลึงกับในภาพยนตร์เป็นอย่างมาก มีการผลิตออกมาจำหน่ายในหลายรูปแบบ อาทิ การ์ดที่ได้มาจากตู้เกม แถมกับซีดีเพลง ลูกบอลอาบน้ำ และขนมต่างๆ การ์ดที่ว่านี้มีลวดลายทั้งสองด้าน ด้านหน้าจะบ่งบอกถึงรูปลักษณ์ของภูติเวทมนตร์และระดับความหายากของการ์ด ส่วนด้านหลังจะเป็นรูปของนักแสดงซึ่งมีทั้งเป็นแบบภาพอนิเมะและภาพนักแสดงที่เป็นคนจริงๆ ซึ่งเป็นการนำเสนอความเป็นบุคคลของตัวศิลปินหรือนักแสดง ผสมผสานกับความแฟนตาซีของภูติในอนิเมะลงไปด้วยกัน
แน่นอนว่า ทั้งการ์ดในอนิเมะ และการ์ดที่เป็นสินค้าในโลกความเป็นจริง ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ถูกออกแบบและถูกผลิตขึ้นโดยมนุษย์ อย่างไรก็ดี เมื่อการ์ดข้ามจากโลกของ Aikatsu Planet ออกมาสู่โลกของความเป็นจริงในฐานะสินค้า กระบวนการจะได้มาซึ่งตัวการ์ดที่ “สมจริง” หรือเหมือนกับในโลกอนิเมะ ก็ทำให้ผู้ผลิตต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ เช่น จะใช้วัสดุอะไร ทำลวดลายอย่างไรให้ออกมาสวยงามตรงตามความคาดหวังของผู้ที่รับชมอนิเมะมาก่อน ทำอย่างไรการ์ดที่เป็นเพียงพลาสติกธรรมดาๆ จึงจะเปล่งประกายราวกับวัตถุเวทย์มนต์ที่ใช้แปลงร่างได้ “จริงๆ” ความแท้จริงในที่นี้กลับหัวกลับหาง แทนที่มนุษย์ผู้ผลิตการ์ดจะเป็นผู้กำหนดความเป็นไปของการ์ด กลับเป็นการ์ดเวทย์มนต์ที่มากำหนดและคาดคั้นให้ผู้ผลิตต้องจำลองตัวมันออกมาให้ได้ อย่างไรก็ตามในขั้นของการผลิต ผู้กระทำการมนุษย์หรือผู้ผลิตการ์ด ยังคงมีบทบาทสำคัญในการออกแบบ สื่อความ ถ่ายทอดเจตนาของตนลงมาในการ์ด หรืออาจกล่าวได้ว่ามนุษย์เป็นผู้กระทำการหลักในขั้นตอนนี้
ในขั้นตอนถัดมา เราจะเห็นความเป็นผู้กระทำการของการ์ดที่เด่นชัดยิ่งขึ้น การ์ดอนิเมะซึ่งรับเอาเจตนาของทีมผู้ผลิตมา สามารถกลายเป็นผู้กระทำการที่ส่งผลต่อผู้รับการกระทำในขั้นของการบริโภค สำหรับคนทั่วไป การ์ดเหล่านี้อาจเป็นเพียงแผ่นพลาสติกธรรมดาๆ ที่มีรูปภาพอ้างอิงถึงอะไรบางอย่างที่ดูเกี่ยวข้องกับญี่ปุ่น แต่สำหรับแฟนคลับ การได้เพ่งพินิจการ์ดและลูบคลำสัมผัสอย่างใกล้ชิด สามารถที่จะสร้างความรู้สึกร่วมอันท่วมท้น ราวกับได้เข้าใกล้โลกแฟนตาซีของภาพยนตร์มากขึ้น ในมือของคนที่คุ้นเคยกับเรื่องราวของการ์ดเหล่านี้ แผ่นพลาสติกอย่างเดียวกันนี้สามารถกระตุ้นความทรงจำที่มีทั้งภาพ เสียง การเคลื่อนไหว และอารมณ์ความรู้สึกให้หลั่งไหลออกมาราวกับมีเวทย์มนต์ ในแง่นี้เอง การ์ดจึงเป็นผู้กระทำการทางสังคม (social agency) ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงวัตถุที่ถูกหยิบจับ ถูกจ้องมองเพียงผ่ายเดียว แต่ตัวมันเองก็กระทำการกับคนที่มาปฏิสัมพันธ์ด้วยเช่นกัน
การ์ด Aikatsu Planet ในวัฒนธรรมบริโภคของคนไทย
ภาพยนตร์เรื่อง Aikatsu Planet เป็นภาพยนตร์ที่ได้รับเสียงตอบรับดีในหลายๆ ประเทศ รวมถึงประเทศไทย จึงไม่แปลกที่ตัวภาพยนตร์จะถูกนำมาพูดถึงในโซเชียลมีเดียต่างๆ ประเด็นที่มักจะพูดถึงกัน เช่น เนื้อหาของภาพยนตร์หลังจากดูจบ สินค้าออฟฟิเชียลจากบริษัท และที่ขาดไปไม่ได้เลยก็คือ การ์ดของเล่น ซึ่งก็มีคนไทยหลายกลุ่มที่ต้องการจะครอบครองการ์ด แต่การจะได้มานั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก เนื่องด้วยพื้นที่ทางกายภาพที่อยู่ไกลกันระหว่างประเทศไทยกับประเทศต้นกำเนิดของการ์ดที่ญี่ปุ่น แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่เกินความสามารถของคนไทย มีช่องทางมากมาย เช่น การกดสั่งซื้อจากเว็บไซต์เอกชนของประเทศไทยที่ทำหน้าที่เป็นพ่อค้าคนกลางนำเข้าสินค้ามาจากต่างประเทศ ฝากร้านค้าออนไลน์ที่มีแอดมินรับกดสินค้าจากเว็บญี่ปุ่นโดยตรง ซึ่งมีที่รับฝากสินค้าเป็นบ้านอยู่ที่ญี่ปุ่นและจะคอยนำสินค้าส่งกลับมาที่ไทยทุกสัปดาห์ หรือการไปที่โกดังญี่ปุ่นในประเทศไทย ซึ่งรับสินค้าทั้งมือหนึ่งมือสองมาจากเรือของญี่ปุ่นที่มักจะเอามาลงทุกเดือน ทุกสัปดาห์ แต่ในกรณีนี้ค่อนข้างจะหายากสักหน่อยเนื่องด้วยตัวภาพยนตร์เพิ่งฉายออกไปได้เพียงประมาณ 5 เดือน การ์ดที่มากับโกดังญี่ปุ่นจึงมีจำนวนน้อย
จากเรื่องราวที่กล่าวมาข้างต้น เราอาจใช้แนวคิดเกี่ยวกับชีวิตทางสังคมของสิ่งของ (the social life of things) มาอธิบายถึงความเป็นไปของการ์ดที่มีการเปลี่ยนสถานะตามการปฏิสัมพันธ์กับผู้คนและบริบทแวดล้อม ตามช่วงเวลาที่เปลี่ยนไป ซึ่งอาศัยหลักวิเคราะห์สำคัญ 2 หลัก คือ การเคลื่อนย้ายข้ามพื้นที่ทางกายภาพ (things-in-motion) และ การเคลื่อนย้ายข้ามระบบคุณค่า (tournaments of value)
ในแง่การเคลื่อนย้ายข้ามพื้นที่ทางกายภาพ การ์ดได้เดินทางจากญี่ปุ่นมายังไทยด้วยวิธีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องบิน เรือขนส่งสินค้า และการเคลื่อนย้ายนี้เองจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การ์ดทำการเปลี่ยนสถานะของตัวเองได้อีกด้วย ในบริบทของประเทศญี่ปุ่น การ์ดมีสถานะเป็นของแถมที่มาจากการซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเงินเล่นตู้เกม ซื้อสินค้าต่างๆ ที่มีการ์ดแถมมา หรือเข้าอีเวนต์แจกการ์ด เมื่อมาอยู่ในมือแฟนคลับการ์ดก็ได้กลายเป็นของสะสมที่มีเรื่องราวและมูลค่าทางจิตใจเกิดขึ้น แต่บางครั้งแฟนคลับก็จะนำการ์ดที่ได้มา ไปเล่นที่ตู้เกมในญี่ปุ่น หรือบ้างก็เอาไปลงขายในเว็บไซต์เพื่อทำกำไร ซึ่งทำให้การ์ดแปรสภาพกลับไปเป็นสินค้าอีกครั้ง
แฟนชาวไทยหลายคนรวมถึงตัวผู้เขียนเองก็จะเข้าไปในเว็บไซต์เหล่านั้นเพื่อดูการ์ดที่ลงขาย หากมีการ์ดใบไหนที่น่าสนใจ ก็กดสั่งซื้อด้วยตัวเองผ่านเว็บไซต์ที่รับทำหน้าที่เป็นพ่อค้าคนกลาง หรืออาจจะฝากร้านค้าที่รับกดให้ช่วยซื้อสินค้าให้ แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว การฝากร้านค้าออนไลน์กดซื้อให้จะเป็นวิธีที่สะดวกที่สุด เพราะตัวผู้ที่รับกดมักมีบ้านอยู่ที่ญี่ปุ่นคอยรับสินค้าและส่งกลับมาที่ไทยให้ โดยมีเพียงค่าบริการในการกดซื้อ และค่าขนส่งในราคาที่สะดวกกับผู้ซื้อการ์ดแบบเรา แต่ในกรณีเว็บไซต์เอกชนของไทยที่ทำหน้าซื้อของผ่านออนไลน์ข้ามประเทศให้ จะมีค่าภาษีการขนสินค้าที่สูงและค่าบริการอีกมากมาย ในขณะที่ร้านค้าออนไลน์คิดถูกกว่า จึงเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจที่ไม่ค่อยน่าเลือกสักเท่าไหร่
เมื่อตัวการ์ดเดินทางมาถึงไทยและถึงมือเราที่เป็นผู้ซื้อ การ์ดที่เป็นสินค้าก็จะมีสถานะเป็นของสะสมอีกครั้งหนึ่ง แสดงให้เห็นถึงคุณค่าของการ์ดที่เปลี่ยนไปได้ผ่านการเคลื่อนย้ายของพื้นที่กายภาพ และเนื่องจากในประเทศไทยไม่มีตู้ของเล่นให้นำการ์ดไปใช้เล่นแบบในญี่ปุ่น การ์ดจึงมีเพียงสถานะของสะสมและสินค้าเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้น คนไทยเองก็สามารถนำการ์ดมาสร้างคอนเทนต์ได้ด้วยการโพสต์รูปภาพหรือคลิปเกี่ยวกับการ์ดที่เป็นของสะสมที่ตัวเองได้มา เพื่อให้กลายเป็นประเด็นพูดถึงเกี่ยวกับการ์ดได้ในกลุ่มแฟนคลับหรือทำไปเพื่อสร้างความน่าสนใจให้กับการ์ดเพื่อเป็นแรงดึงดูดให้คนไทยด้วยกันเองมาซื้อต่อไป จากทั้งหมดเป็นการชี้ให้เห็นชีวิตทางสังคมและสถานะของการ์ดที่เปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่อยู่ประเทศญี่ปุ่นจนถึงประเทศไทย
สรุป
จากตัวอย่างของภาพยนตร์และการ์ดข้างต้นนี้ แสดงให้เห็นว่าวัตถุวัฒนธรรมไม่ได้จำกัดเพียงแค่สิ่งที่จับต้องได้ในเชิงกายภาพเท่านั้น แต่สิ่งใดที่มีปฏิสัมพันธ์และส่งผลต่ออารมณ์ ความรู้สึก และการกระทำของมนุษย์ ก็นับว่าเป็นวัตถุวัฒนธรรมได้เช่นกัน Aikatsu Planet เป็นวัตถุวัฒนธรรมที่ถูกให้คุณค่าและความหมายเกี่ยวกับความเป็นไอดอลผสมผสานกับความแฟนตาซี ที่ยังอิงอยู่บนความเป็นจริงของสังคมญี่ปุ่นด้วยการใช้นักแสดงที่เป็นคนมาแสดงร่วม วัตถุในภาพยนต์ได้ถูกนำมาผลิตเป็นสินค้าซึ่งสะท้อนเรื่องราวที่ตัวละครในเรื่องใช้แปลงร่าง กลายเป็นสิ่งที่สามารถส่งผลต่อการรับรู้ มีความเป็นผู้กระทำการตั้งแต่ในขั้นของการผลิตมาจนถึงขั้นของการบริโภค อีกทั้งมีช่วงชีวิตที่สถานะเปลี่ยนไปตามการเคลื่อนที่ในเชิงกายภาพและระบบคุณค่าซึ่งมีปัจจัยบริบทแวดล้อมเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ต่างไปจากชีวิตของมนุษย์ที่เดินทางผ่านช่วงเวลา สถานที่ ซึ่งเปลี่ยนแปลงสถานะในตัวเขาไปด้วย
ทั้งหมดนี้ช่วยให้เราเข้าใจวัตถุที่อยู่รายล้อมรอบตัวเราต่างออกไปจากมุมมองเดิม เข้าใจว่าวัตถุสิ่งของเองก็มีพลังกระทำบางอย่างกับเราได้เช่นกัน ผ่านการปฏิสัมพันธ์หลากหลายรูปแบบ สิ่งที่เรารับรู้ได้จากวัตถุช่วยให้เราตระหนักได้ถึงบางอย่างที่สำคัญในตัววัตถุ ในกรณีที่ผู้เขียนยกมานั้น วัตถุสามารถสร้างความสุข มอบความผ่อนคลายให้กับผู้เขียนผ่านการเชื่อมโยงประสบการณ์ไปถึงภาพยนตร์ที่ชื่นชอบ ดังนั้นวัตถุจึงมีความสำคัญ และเราคงไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้โดยปราศจากพวกมัน ความรู้สึก การกระทำ และการใช้ชีวิตของเราย่อมผูกโยงสัมพันธ์กับสิ่งของอย่างแยกไม่ออกอยู่เสมอ
พัฒนาจากงานในรายวิชา AN226 ความรู้เบื้องต้นว่าด้วยวัตถุวัฒนธรรมและวัฒนธรรมทัศนา
คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ปีการศึกษา 2/2563
เกี่ยวกับผู้เขียน
ปุณสรรธ์ ชอบพิมาย
นักศึกษาปริญญาตรี สาขาวิชาการวิจัยทางสังคม
คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- This author does not have any more posts.