หมายเหตุ: บทความชิ้นนี้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของหนัง
เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา คอภาพยนตร์ต้องเห็นทอม แฮงส์ (Tom Hanks) ใบหน้าบูดบึ้งในใบปิดภาพยนตร์ มนุษย์ลุง…ชื่ออ๊อตโต้ (A Man Called Otto) ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือของ เฟรียดริค บัคมัน (Fredrik Backman) นักเขียนชาวสวีเดน และถูกแปลเป็นภาษาไทยโดยคุณธีปนันท์ เพ็ชร์ศรี ในชื่อ ชายชื่ออูเว (A Man Called Ove) โดยสำนักพิมพ์ Merry-Go-Round Publishing ซึ่งชายชื่ออูเว (A Man Called Ove) เคยถูกสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้วครั้งหนึ่งในปี 2016 โดย Hannes Holm ผู้กำกับชาวสวีเดน แม้จะเป็นภาพยนตร์แนวถ่ายทอดเรื่องราวชีวิต แต่ A Man Called Ove กวาดรางวัลไปถึง 16 รางวัลและถูกเสนอชื่อเข้าชิงอีก 29 ครั้ง ในครั้งนี้ อูเว กลายมาเป็น อ็อตโต้ ผ่านการรีเมคด้วยผู้กำกับอย่าง มาร์ก ฟอร์สเตอร์ (Marc Forster) ที่ฝากผลงานที่หลายคนคุ้นเคย เช่น มหาวิบัติสงคราม Z (2013) คริสโตเฟอร์ โรบิน (2018) หรือแม้แต่หนังสายลับอย่าง 007 พยัคฆ์ร้ายทวงแค้นระห่ำโลก (2008)
เรื่องราวของ มนุษย์ลุง…ชื่ออ๊อตโต้ เกิดขึ้นท่ามกลางฤดูหนาว ผู้ชมจะสัมผัสได้จากบรรยากาศฟ้าหม่นและหิมะโปรยปรายไปพร้อมๆกับชายแก่หัวร้อนที่พูดตรงยิ่งกว่าตรง จี้จู้จุกจิก ไม่ยอมลดราวาศอกในสิ่งที่เขาเห็นว่าไม่ถูกต้องแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน จนทำให้เพื่อนบ้านและผู้คนรอบข้างต้องเม้มปากด้วยความอึดอัดใจเมื่อต้องพบปะและสนทนาด้วย อ็อตโต้ต้องเจอกับคนในสังคมที่เขามองว่างี่เง่าเหลือหลายที่จัดการปัญหาต่างๆเองไม่ได้ หรือที่พอทำได้ก็ดันทำพลาดไปจนเขาต้องยื่นมือเข้าช่วยอย่างไม่เต็มใจนัก แต่ภายใต้ภาพลักษณ์ขี้หงุดหงิดนั้น เขากำลังวางแผนออกเดินทางไกลตามซอนยา ภรรยาผู้เป็นที่รักที่จากโลกนี้ไปเสียก่อน แม้ว่าอ็อตโต้พยายามหาทางจากโลกนี้ไปหลายครั้งหลายวิธี แต่แผนการเดินทางไกลของเขากลับพังไม่เป็นท่า เพราะถูกขัดขวางอย่างบังเอิญด้วยบรรดาผู้คนและแมวอีกหนึ่งตัว
สิ่งที่น่าสนใจไม่ได้มีแค่เรื่องราวของอ็อตโต้ก่อนจะมาเป็นมนุษย์ลุงเท่านั้น แต่การรับมือกับเพื่อนบ้านที่เขามองว่าน่ารำคาญก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เริ่มจาก มาริซอล เพื่อนบ้านชาวต่างชาติที่ย้ายเข้ามาใหม่พร้อมสามีและลูกอีกสองคน ผู้กลายมาเป็นคู่ปรับอันดับหนึ่ง ยังไม่รวมเพื่อนบ้านที่อยู่ด้วยกันมาก่อนอย่างแอนดี้กับบาร์บ คู่รักนักบัลเล่ต์ชาวโรมาเนีย แอนนิกากับรูเบนส์ ที่อ็อตโต้แค้นใจกับ “รัฐประหาร” ของรูเบนส์อย่างมากจนยากที่จะอภัย จิมมี่ ผู้ชอบออกกำลังกายด้วยรองเท้ามีเสียงและทักทายอ็อตโต้เสียงดังทุกๆวันที่พบกัน รวมไปถึงมัลคอม นักเรียนข้ามเพศที่ซอนยา ภรรยาของอ็อตโต้เคยสอน ถึงกระนั้นความรำคาญใจที่แท้จริงไม่ใช่เพื่อนบ้านเหล่านี้ แต่คือบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการเปลี่ยนละแวกบ้านของอ็อตโต้ให้กลายเป็นคอนโดมิเนี่ยมขนาดใหญ่โดยใช้ทุกวิถีทางเพื่อบีบบังคับให้คนในชุมชนต้องย้ายออกไป
เรื่องราวของภาพยนตร์พยายามเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์รสขมอมหวานของอ็อตโต้กับเพื่อนร่วมงานและเพื่อนบ้าน รวมทั้งความพยายามของอ็อตโต้ที่จะลาโลกนี้ไปด้วยวิธีการที่ต่างกันในแต่ละครั้ง แต่ในครึ่งหลัง เรากลับเห็นฉากเล็กๆที่แสดงพลังของการรวมตัวกันของผู้คนในการต่อสู้เพื่อชุมชนของพวกเขา อีกทั้งยังเห็นภาพการเกี่ยวโยงกันระหว่างคนในชุมชนกับชีวิตของคนๆหนึ่งด้วย
ในเรื่องมนุษย์ลุง…ชื่ออ๊อตโต้ เป็นเหมือนเรื่องเล่าชีวิตผู้ชายคนหนึ่ง แต่ถ้าหากเรามองไปรอบๆตัวอ็อตโต้ ก็จะพบว่าตัวละครในเรื่องไม่ได้มีแค่ลักษณะนิสัยที่แตกต่าง แต่ช่วงวัยและเงื่อนไขในการดำเนินชีวิตของแต่ละคนก็แตกต่างกันไปด้วย มาริซอล ท้องโย้, ทอมมี่ สามีของมาริซอลที่เริ่มเรื่องมาก็พลัดตกจากหน้าต่างจนต้องใช้ไม้เท้าช่วยพยุงไปอีกสักพัก, รูเบนส์ ชายแก่ผิวดำอายุใกล้ๆกับอ็อตโต้แต่กลับอาการไม่รู้สึกตัว ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองเบื้องต้นได้ จน แอนนิกา ภรรยาของรูเบนส์ต้องทำหน้าที่พยาบาลเขาอย่างใกล้ชิด, มัลคอม ถูกพ่อไล่ออกจากบ้านเพราะอคติทางเพศ
ชีวิตของคนหนึ่งคนที่เขาอาจจะคิดว่าเขาเป็นเจ้าของเรื่องราวของตัวเอง หรือเอาอยู่ในทุกๆสถานการณ์ แต่แท้จริงมันมิใช่แบบนั้น ชีวิตของอ็อตโต้ไม่ใช่แค่ของเขา เพราะอ็อตโต้เองก็มีโรคประจำตัวทางกรรมพันธุ์ที่ทำให้เขาไม่สามารถรับราชการทหารได้และส่งผลมาถึงปัจจุบัน
ราวกับจะมายืนยันคำพูดของมาริซอลว่า “คุณคิดว่าต้องทำทุกอย่างตัวคนเดียว ไม่มีใครทำได้หรอก” อ็อตโต้ตอนแก่ ผู้พยายามโดดเดี่ยวตัวเองออกจากคนในละแวกบ้านที่เขาอยู่ ได้กลายมาเป็นผู้ช่วยดูแลลูกสาวสองคนของมาริซอลตอนที่เธอและสามีไม่อยู่ ช่วยซ่อมฮีทเตอร์ให้แอนนิกาแทนรูเบนส์ที่ป่วย ให้ที่พักพิงแก่มัลคอมในตอนที่โดนพ่อไล่ออกจากบ้าน อีกทั้งยังดูแลแมวจรจัดที่หลงมาในชุมชน อ็อตโตตอนที่เป็นมนุษย์ลุงแทบไม่ต่างจากอ็อตโต้ตอนหนุ่ม ที่เป็นถึงหัวหน้าชุมชนและเห็นการการเข้ามาบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่เอาเปรียบลูกบ้านจนทำให้เขาเป็นหัวหอกในการต่อต้านบริษัทอสังหาริมทรัพย์
ชีวิตของอ็อตโต้ในฐานะผู้นำชุมชนเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งเมื่อเขาได้บังเอิญช่วยชีวิตชายแก่ที่ตกชานชาลารถไฟ คนที่ชานชาลาพากันถ่ายวิดีโออ็อตโต้ ทำให้นักข่าวออนไลน์เข้ามาสัมภาษณ์ แม้อ็อตโต้จะไม่พอใจที่มีคนอื่นมาวุ่นวายในชีวิตเขาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่การบีบบังคับของบริษัทอสังหารฯที่ทำให้คนในชุมชนอย่างแอนนิกาและรูเบนส์ต้องละทิ้งบ้าน ทำให้อ็อตโต้ยอมร่วมมือกับนักข่าวออนไลน์และเพื่อนบ้านของเขาเพื่อเปิดโปงการกระทำของบริษัทอสังหาฯ สุดท้ายเขาต้องมาเกี่ยวข้องกับผู้คนจำนวนมากมายมหาศาลราวกับจะมายืนยันคำพูดของมาริซอลว่า “คุณคิดว่าต้องทำทุกอย่างตัวคนเดียว ไม่มีใครทำได้หรอก”
ในโลกที่พยายามบอกให้เราต้องแข่งขัน หรืออยู่ได้ด้วยตัวคนเดียว มันอาจจะไม่จริงทั้งหมด เราทุกๆคนต่างคล้ายกับตัวละครในเรื่องมนุษย์ลุง…ชื่ออ๊อตโต้ (A Man Called Otto) เราต่างเป็นผู้อยู่อาศัยในชุมชนขนาดใหญ่ที่เรียกว่าสังคมและโลกใบนี้ เราต่างรู้จัก-ผูกพัน-ช่วยเหลือกันและกันในลักษณะต่างๆ ไม่ว่ากับทั้งคนด้วยกันหรือกับแมวตัวหนึ่ง …เพราะการต้องทำทุกอย่างตัวคนเดียว ไม่มีใครทำได้หรอก
เกี่ยวกับผู้เขียน
- This author does not have any more posts.